"พ่อ!!" ซือหม่าจางหมิ่นวิ่งตรงไปคุกเข่าข้างกายร่างของชายฉกรรจ์วัย 40ปีที่บัดนี้เลือดไหลนองไปทั่วพื้น เธอไม่สนใจว่าเลือดของพ่อจะเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าของเธอหรือไม่ สาวน้อยวัย 15ปี ช้อนคอของพ่อขึ้นมาวางบนตัก หลังจากนั้นรีบกดเรียกรถโรงพยาบาลถึงพ่อจะส่งสัญญานห้ามเช่นไรเธอก็ไม่ฟัง ระหว่างที่รอรถพยาบาลมารับ พ่อของเธอค่อย ๆ เล่าเรื่องที่ทำให้เธอหวาดกลัว
"อาหมิ่น หนูต้องกลับไปอยู่เมืองไทย กลับไปเมืองไทย" เขาพยายามย้ำเรื่องเดินทางจนเธอแปลกใจ ทว่าพ่อของเธอขอร้องให้ฟังเขาให้จบก่อนที่จะไม่ได้รับรู้สิ่งใดจากปากเขา เธอจึงได้แต่ตอบรับ น้ำตาร่วงรินลงมาตลอดเวลา
"พ่อเป็นสายลับให้กับองค์กร ABIA (A&B Intelligence Agency)เป็นองค์กรลับของบริษัทรายยักษ์ของเอกชนที่มีชื่อเสียง พ่อทำงานผิดพลาดจนถูกหมายหัว พวกมันตามล่าพ่อมาเป็นเวลานาน จนมาตอนนี้มันรู้ตัวตนของพ่อแล้ว ถึงตอนนี้มันจะยังไม่รู้ว่าพ่อมีหนูเป็นลูก แต่อีกไม่นานมันก็จะสืบความได้" ซือหม่าจางหมิ่นมีคุณแม่เป็นคนไทยชื่อดาริกา ส่องสว่าง คุณพ่อเป็นชาวจีนนาม หลี่หย่งยี่ เขาเป็นสายลับก่อนที่จะรู้จักดาริกา จนเมื่อพบกัน รักกัน และตัดสินใจร่วมชีวิตกัน เขาจึงคิดจะตั้งหลักปักฐานที่เมืองไทยแต่ทุกสิ่งไม่เอื้ออำนวย เพราะองค์กรไม่คิดจะปล่อยเขาไป จนเขาต้องตัดสินใจหลบซ่อนตัวตนของภรรยาและลูกสาวที่เพิ่งอยู่ในครรภ์ได้เพียง 2 เดือน และยินยอมให้มาแต่งตัวกับคู่หมั้นคนไทยเชื้อสายจีนนาม ซือหม่าเฉินที่หย่งยี่ไปพรากดาริกามา เพื่อให้เมียและลูกปลอดภัย
ที่เขายอมทำเช่นนี้เพราะคู่หมั้นของดาริกาเป็นคนดี ทั้งทึ่รู้ว่าดาริกาท้องก็ยอมแต่งงานด้วย เพราะเขารักและเห็นใจเธอ ทั้งคู่แต่งงานและฝ่ายชายก็ยอมรับเป็นบิดาของจางหมิ่นอย่างเต็มใจ ดาริกาในตอนนั้นยังเด็กนัก พอท้องก็ทำอะไรไม่ถูก กลัวพ่อและแม่เสียใจ เมื่อชายคนรักบอกถึงความจำเป็นว่าไม่สามารถจะอยู่กินกับเธอได้อย่างเปิดเผยเพราะเขาเป็นสายลับ เขาขอใช้ชีวิตบนเส้นด้ายเพียงลำพังดีกว่าให้คนที่เขารักมาเดือดร้อนร่วมกัน เขาเองเข้าไปเจรจากับอาเฉินอย่างตรงไปตรงมา จนฝ่ายชายเข้าใจและยอมรับได้ทุกอย่าง เธอจึงยอมเชื่อฟังและแต่งงานกับคู่หมั้น
ต่อมาภายหลังหย่งยี่ก็ติดต่อมาเรื่อย ๆ ยามที่เขาว่างเขาก็จะมาหาลูกสาวโดยบอกให้เรียกลุง เขาพาเธอไปเที่ยว ไปเดินห้าง บางครั้งก็พาเธอไปอยู่กับเขาที่เมืองจีนช่วงปิดเทอม จนพอเธออายุได้ 10 ขวบ ตอนนั้นเธออยู่กับหย่งยี่ที่จีน เขากลับมีภารกิจเข้ามากระทันหัน แล้วก็หายไป3วัน พอกลับมาก็มาในสภาพเลือดเต็มกาย ไม่ยอมให้เธอพาไปโรงพยาบาล บอกเพียงให้เธอช่วยดูแลเขาแทน พอเขาหายดีเธอจึงอ้อนวอนให้เขาเล่าให้เธอฟัง
คราแรกที่เล่าเขาพูดทุกอย่าง ๆ ละเอียดให้เธอเข้าใจว่าเป็นสายลับ ทำงานเช่นไรบ้าง ทว่ายังปิดบังเรื่องที่เธอเป็นลูกสาวแท้ ๆ แต่เป็นเพราะเธอเองนั้นสงสัยมานานแล้ว เพราะกรุ๊ปเลือดของเธอไม่ตรงกับบุพการีในเมืองไทยเลย เธอเคยเจ็บป่วยเข้ารับการผ่าตัดถึงกับต้องให้เลือด 2 ครั้ง ทุกครั้งจะเป็นหย่งยี่ที่เดินทางมาเมืองไทยกระทันหัน พวกเขาบอกเธอว่าคุณลุงบังเอิญมาเที่ยวที่ไทยพอดีเลยมาเยี่ยม แต่เธอรู้ว่าเขามาเพื่อให้เลือดกรุ๊ปที่หายาก AB-ve ในเมืองไทยมีแค่ 1.5 ในหมื่นคนเท่านั้น เขาจึงยอมจำนนในที่สุด เขาเล่าให้เธอฟังทุกอย่าง
สายลับสิ่งสำคัญอันดับแรกคือ เก็บงำความลับและข้อมูลทุกสิ่งขององค์กรและตัวตนของตนเอง แต่เขาทำผิดพลาดด้วยการเปิดเผยข้อมูลไปให้คนอื่นรับรู้ ถึงเขาจะรู้ว่าคนที่เขาเปิดเผยให้ฟังจะไม่กลับมาทำร้ายเขาก็ตาม
"ลูกรีบออกจากที่นี่และกลับเมืองไทยไปก่อนที่พวกมันจะมา หาไม่แล้วไม่ใช่เพียงลูกที่จะเดือดร้อนแต่เป็นครอบครัวของลูกที่เมืองไทยด้วย ไปเสียเถิดลูกรัก" เธอร้องไห้สะอื้นตัวโยน จนเมื่อทนเห็นพ่อพยายามจะพูดทั้งที่เจ็บปวดมากมายจึงยอมวางพ่อลงช้า ๆ ขึ้นไปเก็บข้าวของ ๆ ที่เป็นของเธอ โชคดีที่พ่อไม่ได้อยู่ที่ใดเป็นหลักเป็นแหล่ง บ้านที่อยู่เป็นบ้านเพิ่งเช่า เวลาเธอมาอยู่กับพ่อ ก็นำเสื้อผ้ามาจากเมืองไทยไม่กี่ตัว คล้ายเป็นพวกนักท่องเที่ยว พอถึงเวลาจะกลับก็โยนทุกอย่างลงกระเป๋าเดินทางและเข็นไปอย่างง่ายดาย
*ABIA เป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นมามั่ว ๆ นะคะ ไม่มีอยู่จริง
ซือหม่าจางหมิ่น สาวลูกเสี้ยว พ่อเป็นคนจีน แม่เป็นคนไทยผสมอังกฤษ ข้ามภพไปอยู่ในร่างของหยางจางหมิ่นที่มีเพียงวัย 12 ปี
ตระกูลหยาง
หยางหมิง พระอาจารย์ของฮ่องเต้ ปู่ของหยางจางหมิ่น มีลูกชาย 3 คน
1. หยางไท่หมิง ท่านราชครูคนปัจจุบัน มีฮูหยินเพียงคนเดียว นามซูจิน บุตร 1 คน หยางหลง
2. หยางต้าหมิง ท่านแม่ทัพบูรพา ฮูหยินนาม เหยียนเหลียนฮวาเสียชีวิตแล้ว มีบุตรสาว 1 คน หยางจินหมิ่น
3. หยางหลี่หมิง ท่านแม่ทัพอุดร ฮูหยินนามฉู่ชิงหรูบิดาของหยางจางหมิ่น
โม่เหลียงเฉิง หรือชินอ๋อง อายุ 22 หนาว เป็นคู่หมั้นของหยางจางหมิ่น มีคนรักอยู่แล้วแต่เพิ่งมารู้ว่าถูกพระเชษฐาหรือฮ่องเต้พระนาม โม่จื่อเฉิงพระราชทานคู่หมั้นให้ตั้งแต่นางกำเนิด
ลู่ไท่หยาง หรืออดีตองครักษ์เงาของอดีตฮ่องเต้ ปัจจุบันมีแต่คนยกย่องว่าเป็นหมอเทวดา หลีกลี้หนีผู้คนเดินทางไปทั่วแคว้นปิดบังตัวตน
ลู่ไท่จิน พี่ชายของลู่ไท่หยาง หรืออดีตนักฆ่าตัวฉกาจ ปัจจุบันอาศัยอยู่ในป่ารัตติกาล ไม่สุงสิงกับผู้ใดนอกจากน้องชาย
เหยียนเฟยเทียน สหายสนิทของโม่เหลียงเฉิง
หลินปิงปิง คนรักของโม่เหลียงเฉิง ลูกสาวของเจ้ากรมพิธีการหลินเฟิง
ลมปราณ แบ่งตามสี เริ่มจากแดงน้อยที่สุดไปหาม่วงมากที่สุด แต่ละสีมีสามระดับ ต่ำ กลาง สูง
แดง
ส้ม
เหลือง
เขียว
น้ำเงิน
คราม
ม่วง
โอสถ มีระดับตั้งแต่ 1 จนถึง 10 ความบริสุทธิ์ อยู่ที่ 1 ถึง 10
ธาตุ ดิน ไม้ น้ำ ลม
ธาตุพิเศษ มิติ แสง
แคว้น มี 3 แคว้นใหญ่
แคว้นฉู่ ดินแดนที่เต็มไปด้วยความพิศวง สัตว์อสรูและสัตว์เทพมากมายล้วนอาศัยอยู่ในป่าของแคว้นนี้ แหล่งรวมของสมุนไพรหายาก ผืนป่าอุดมสมบูรณ์มากมายที่มาพร้อมกับความแปลกประหลาดของสถานที่
แคว้นเฉิน แหล่งรวมอารยธรรม เป็นแคว้นที่เจริญที่สุด ผู้คนล้วนต้องการมาแสวงหาเงินทองในแคว้นนี้
แคว้นฉิง แหล่งรวมการศึกษาทั้งหลาย สำนักดัง ๆ ต่าง ๆ ล้วนอยู่ในแคว้นนี้
2 แคว้นเล็ก
แคว้นหนานกับแคว้นไห่
สกุลเงิน
100 อีแปะ = 1 ตำลึงเงิน
100 ตำลึงเงิน = 1 ตำลึงทอง
10000 ตำลึงทอง = 1 ทองคำขาว
เวลา
ยาม จื่อ เท่ากับเวลา 23.00 น. จนถึง 24.59 น.
ยาม โฉ่ว เท่ากับเวลา 01.00 น. จนถึง 02.59 น.
ยาม อิ๋น เท่ากับเวลา 03.00 น. จนถึง 04.59 น.
ยาม เหม่า เท่ากับเวลา 05.00 น. จนถึง 06.59 น.
ยาม เฉิน เท่ากับเวลา 07.00 น. จนถึง 08.59 น.
ยาม ซื่อ เท่ากับเวลา 09.00 น. จนถึง 10.59 น.
ยาม อู่ เท่ากับเวลา 11.00 น. จนถึง 12.59 น.
ยาม อุ้ย เท่ากับเวลา 13.00 น. จนถึง 14.59 น.
ยาม เซิน เท่ากับเวลา 15.00 น. จนถึง 16.59 น.
ยาม อิ่ว เท่ากับเวลา 17.00 น. จนถึง 18.59 น.
ยาม ซวี เท่ากับเวลา 19.00 น. จนถึง 20.59 น.
ยาม ไฮ่ เท่ากับเวลา 21.00 น. จนถึง 22.59 น.
นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ คิดเอง จินตนาการเองค่ะ กรุณาอย่าลอกเลียนแบบ ตัดต่อ หรือนำส่วนใดของเนื้อหาไปเผยแพร่นะคะ
หากหลงเข้ามาอ่านแล้วยังไงช่วยกดให้กำลังใจนิดนุง เม้นอีกหน่อย ขอบพระคุณค่า กราบ
ความคิดเห็น